รวมพล โรจนกิจ เจ้าของแบรนด์ Happy Berry สร้างความสำเร็จด้วยการไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้

Share
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ยืนหยัดในวงแฟชั่นมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และความเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง รวมพล โรจนกิจ หรือ โจ้ หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ Happy Berry ในฐานะเจ้าของ ดีไซเนอร์ และผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำงานด้วยความรัก และตั้งใจทุ่มเทกว่าจะยืนหนึ่งในวันนี้

โจ้-รวมพล ย้อนวันวานกว่าจะประสบความสำเร็จว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Happy Berry แฟชั่นแบรนด์ กระเป๋า เสื้อผ้า และแอคเซสเซอรี มาจากตอนที่ โจ้ และเพื่อนๆที่เป็นหุ้นส่วน เรียนอยู่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาศิลปะ ตอนเรียนวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ ปี 2 ได้ออกแบบกระเป๋าส่งอาจารย์ แล้วเอามาใช้เองด้วย เพื่อนๆเห็นก็ชอบ มาสั่งให้ทำ เลยเกิดไอเดียที่จะทำขาย เริ่มต้นมาเปิดร้านขายที่ตลาดจตุจักร แล้วมาเปิดร้านที่สยามสแควร์ กิจการเป็นไปด้วยดี จึงได้เข้าไปขายในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั้งเดอะมอลล์ และที่เซ็นทรัล และเมื่อศูนย์การค้าสยามพารากอนเปิด ก็ได้มาขายที่พารากอน ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ด้วย ทีแรกเปิดขายถึง 27 สาขา ตอนหลังรู้สึกว่าสาขาเยอะอาจจะคุมได้ไม่ดีนัก ปัจจุบันจึงมีสาขาที่พารากอน เอ็มโพเรียม และในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป ถ้านับธุรกิจที่ทำ ปีนี้เป็นปีที่ 21 แล้ว

“ผ่านมา 2 ทศวรรษแล้วก็ถือว่าไกลจริง เพราะความตั้งใจของโจ้ ตอนเรียนจบกะว่าจะไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกา แต่ธุรกิจไปได้ด้วยดี จากที่คิดจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โจ้ และเพื่อนหุ้นส่วน เลยมาเรียนต่อกันในประเทศ โดยโจ้ เรียนต่อสาขา FASHION AND FINANCIAL หลักสูตรอินเตอร์ ที่จุฬาฯ ร่วมกับ NEWYORK UNIVERSITY ส่วนเพื่อนก็เรียนเพิ่มเติมด้วย คนหนึ่งเรียนเพื่อมาดูแลหน้าร้าน อีกคนเรียนทำแพตเทิร์น ผลิตสินค้า ซึ่งการทำงานก็แบ่งกันทำงานอย่างลงตัว ช่วยๆกันทำ เพราะเราผ่านการทำเอง นั่งขายเองกันมาแล้ว ความขัดแย้งที่มีไม่ใช่เรื่องเงิน แต่จะเป็นเรื่องการออกแบบมากกว่า”

ส่วนความสำเร็จในวันนี้ โจ้ บอกว่า มาจากตัวสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นตัวของตัวเอง ที่มีความน่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง แม้พวกเราจะโตขึ้น แต่แบรนด์ก็ยังมีตัวตนเหมือนเดิม ซึ่งผู้บริหารเก่งคนนี้บอกว่า “นิยามของแบรนด์ Happy Berry คือของที่ใช้แล้วมีความสุข ซึ่งมีคนซื้อไปเป็นของขวัญให้คนที่เขารักเยอะมาก แล้วก็ซื้อให้ตัวเองด้วย ลูกค้ามาบอก โจ้ เองเลยว่า เขาใช้ของเราแล้วมีความสุข”

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่โจ้เน้นในการทำงานจนก้าวมาถึงวันนี้ คือการไม่หยุดนิ่ง! จากวันแรกของธุรกิจที่ใช้มือทำ จนมาถึงใช้เลเซอร์ตัด การขายจากออฟไลน์ หน้าร้าน มาถึงออนไลน์ การทำงานยังมีเรื่องที่เราไม่รู้ เพราะฉะนั้นเราจึงหยุดไม่ได้ ในการทำธุรกิจแฟชั่น ไม่มีถูก ไม่มีผิด ไม่มีสูตรตายตัว เราจึงต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้ โจ้เคยไปเรียนหลักสูตรทำผม ทำสีผม ที่ออสเตรเลีย เคยคิดจะมาเปิดร้าน แต่สุดท้ายก็ได้เอามาใช้ในธุรกิจนี้ ในการทำตุ๊กตา เรียกว่าเราได้เอาสิ่งที่เราเรียนรู้มาใช้ในงานได้จริงๆ…นี่แหละความสำเร็จของผู้บริหารคนนี้.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์ ฉบับวันที่ 22 เม.ย. 63

SCROLL UP
error: Content is protected !!